เมนู Toggle

POPULAR

เทคนิคเลือก “เครื่องฆ่าเชื้อในอากาศ” อย่างไร ให้คุ้มค่าที่สุด

เทคนิคเลือก “เครื่องฆ่าเชื้อในอากาศ” อย่างไร ให้คุ้มค่าที่สุด

เทคนิคเลือก “เครื่องฆ่าเชื้อในอากาศ” อย่างไร ให้คุ้มค่าที่สุด

            อากาศในปัจจุบันนั้นเต็มไปด้วยมลภาวะ สารก่อมะเร็ง และฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมทั้งยังมีฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือฝุ่น PM 2.5 เกิดขึ้นในบางครั้งบางคราวจนต้องใส่หน้ากากอนามัย N95 เพื่อป้องกันตอนออกนอกอาคาร เพราะ PM 2.5 เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างมาก ทั้งยังเป็นพาหะนำสารพิษ เช่น แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก และสารก่อมะเร็งเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย

ที่สำคัญ PM 2.5 และฝุ่นละอองต่างๆ สามารถเล็ดลอดเข้ามาภายในอาคาร หรือบ้านพักอาศัยได้ด้วย ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบหายใจของมนุษย์เมื่อสะสมไปนานๆ รวมทั้งสารก่อภูมิแพ้และเชื้อโรคต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความเจ็บป่วยอยู่ตลอด แม้แต่ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง หากอยู่ในสภาวะอากาศที่ไม่ดีก็มีโอกาสจะล้มป่วยได้ง่าย สิ่งเจือปนในอากาศเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่ก็สามารถยับยั้งป้องกันได้ด้วย "เครื่องฆ่าเชื้อในอากาศ" ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถซื้อมาติดตั้งเองได้ที่บ้านหรือตามสำนักงาน

เลือกเครื่องฆ่าเชื้อในอากาศอย่างไรดี?

  1. เลือกให้เหมาะกับขนาดห้อง

การเลือกเครื่องฟอกอากาศก็คล้ายกับการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ เพราะต้องเลือกเครื่องที่สามารถฟอกอากาศได้ทั่วทั้งห้อง ยิ่งห้องใหญ่ก็ต้องเลือกเครื่องที่มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้น แต่ถ้าใช้เครื่องฟอกขนาดใหญ่ในห้องที่มีขนาดเล็กก็จะเป็นการกินไฟโดยใช่เหตุ

  1. ดูค่า CADR

ค่า CADR ย่อมาจาก Clean Air Delivery Rate คือค่าเปลี่ยนถ่ายอากาศ วัดจากปริมาณอากาศทั้งหมดที่เครื่องฟอกอากาศฟอกได้ใน 1 นาที มีหน่วยเป็น CFM ที่ย่อมาจาก Cubic Feet per Minute ซึ่งเครื่องจะแสดงผลเป็น 3 ตัวเลข คือตัวเลขจากอัตราการทำความสะอาดอากาศที่มีฝุ่นละออง อัตราการทำความสะอาดที่มีเกสรดอกไม้ และอัตราการทำความสะอาดที่มีควันบุหรี่ ยิ่งตัวเลขเหล่านี้มีค่าสูง ก็แปลว่าเครื่องฟอกอากาศทำงานได้ดี ดังนั้นเวลาเลือกซื้อ ควรเลือกรุ่นที่มีค่า CADR ระบุชัดเจนและมีตัวเลขที่สูง

  1. ดูค่า Air Flow

ค่า Air Flow หรือ Air Volume คือตัววัดความเร็วลม โดยเครื่องจะฟอกอากาศได้ดีก็ต่อเมื่อมีความเร็วลมที่สูง ดังนั้นควรเลือกซื้อเครื่องที่มีค่า Air Flow สูงนั่นเอง ทั้งนี้มีเครื่องฟอกอากาศบางรุ่นที่มีเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นและปรับความเร็วลมได้โดยอัตโนมัติด้วย

  1. ดูระบบการทำงาน

ระบบที่ควรจะมีในเครื่องฟอกอากาศเช่น ระบบที่ปรับความเบา-แรงของเครื่องได้โดยอัตโนมัติ ระบบตั้งเวลาเปิดปิดเครื่อง เป็นต้น เพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกให้เราได้มากขึ้น แต่ก็ควรดูระบบเสริมอื่นๆ ด้วย เช่น เซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ PM 2.5 ตัวระบุการเปลี่ยนแผ่นกรอง เป็นต้น

  1. ดูไส้กรองฝุ่นหรือแผ่นกรองดักเก็บฝุ่น

ไส้กรองฝุ่นหรือแผ่นกรองดักเก็บฝุ่นเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญมากในเครื่องฟอกอากาศ เพราะเป็นเหมือนปราการด่านแรกที่ช่วยดักจับฝุ่นและสิ่งสกปรกเอาไว้ ถ้าต้องการให้เครื่องมีประสิทธิภาพมาก ไส้กรองฝุ่นก็ต้องมีความละเอียดมาก เพราะจะดักจับฝุ่นขนาดเล็กได้มากขึ้น ซึ่งสามารถแยกความละเอียดได้หลายระดับ เช่น HEPA, Tru HEPA, ULPA

  1. เสริมประสิทธิภาพด้วยแผ่นกรองคาร์บอน

หากต้องการความสามารถในการดักจับสิ่งสกปรกพร้อมกับขจัดกลิ่นได้ ต้องเลือกเครื่องที่มีแผ่นคาร์บอนสำหรับการดูดซับกลิ่นด้วย ซึ่งเครื่องฟอกอากาศของไดกิ้นทุกรุ่นนั้นมีฟิลเตอร์กรองกลิ่น Deodorizing Filter ที่สามารถยับยั้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้

  1. ฆ่าเชื้อโรคได้ยิ่งดี

เครื่องฟอกอากาศที่ฆ่าเชื้อโรคได้ คือเครื่องที่มีเทคโนโลยีการสร้างประจุไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยยับยั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา สารเคมีอันตราย และสารก่อภูมิแพ้ได้ ทำให้อากาศที่ฟอกออกมามีความบริสุทธิ์ ปลอดภัยยิ่งขึ้น

  1. ระดับเสียงต้องไม่รบกวนสมาธิ

การทำงานของเครื่องควรมีระดับเสียงความดังที่ไม่รบกวนสมาธิ ทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน และการนอนหลับพักผ่อน โดยระดับเสียงที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 30-31 เดซิเบล และด้วยการออกแบบเครื่องฟอกอากาศของไดกิ้น ทำให้เครื่องงานเงียบ ระดับเสียงต่ำสุดเพียง 19 เดซิเบลเท่านั้น

  1. คำนึงล่วงหน้าถึงเรื่องอะไหล่

เครื่องฆ่าเชื้อในอากาศไม่ต่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ที่มีอายุการใช้งานจำกัด ดังนั้นควรคำนึงถึงอะไหล่เอาไว้ด้วย ว่าสามารถหาซื้อได้ง่าย และมีราคาที่เหมาะสมหรือไม่ โดยอะไหล่ที่สำคัญที่สุดคือไส้กรองฝุ่นหรือแผ่นกรองดักเก็บฝุ่นที่ต้องมีการเปลี่ยนใหม่ตามอายุการใช้งาน

เครื่องฆ่าเชื้อในอากาศ JARTON

สิ่งสำคัญช่วยให้อากาศในบ้านสะอาดหมดจด

 

คุณสมบัติ :

  • อัตรากำจัด PM2.5 99% (60 นาที)
  • กำจัดอนุภาคละเอียดขนาดพิเศษ 0.1 - 0.3 ไมครอน
  • จัดการผ่านแอปพลิเคชัน JARTON Home
  • กรองอากาศ 9 ขั้นตอน
  • ปล่อยประจุลบกำจัดกลิ่นและควัน
  • แสดงสถานะอากาศภายในห้อง
  • ควบคุมได้จากมือถือ
  • รองรับ Wi-Fi คลื่น 2.4GHz
  • พื้นที่ใช้งาน 20-40 ตารางเมตร
  • สั่งการด้วยเสียงผ่าน Amazon Alexa

 

 

สนใจ เครื่องฆ่าเชื้อในอากาศ JARTON คลิก

ก่อน วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ต่อไป บุคคลกลุ่มใด? เหมาะกับการใช้ “เครื่องฆ่าเชื้อในอากาศ JARTON”